รุ่นที่ 4 (ค.ศ. 1970 - 1979) ของ ลินคอล์น คอนติเนนทัล

ลินคอล์น คอนติเนนทัล รุ่นที่ 4

คอนติเนนทัลรุ่นที่ 4 มีลูกเล่นใหม่คือการซ่อนไฟหน้า เมื่อไม่ได้ใช้งานไฟหน้า ไฟหน้าจะถูกซ่อนไว้ และจะโผล่ออกมาเมื่อเปิดไฟ และยังมีหน้าต่างขนาดเล็กบนเสาหลัง (Opera Window) และใน ค.ศ. 1974 ยังมีการตั้งชื่อเสริมพิเศษให้กับคอนติเนนทัลรุ่น 4 ประตูว่า คอนติเนนทัล ทาวน์ คาร์ (อังกฤษ: Lincoln Continental Town Car) และตั้งชื่อให้รุ่น 2 ประตูว่า คอนติเนนทัล ทาวน์ คูเป้ (อังกฤษ: Lincoln Continental Town Coupé) ซึ่งชื่อทาวน์คาร์ ต่อมาได้แยกออกเป็นรุ่นใหม่ อิสระไม่ขึ้นตรงกับคอนติเนนทัล

ในช่วงของการผลิตคอนติเนนทัลรุ่นที่ 4 ได้เกิดวิกฤติราคาน้ำมันแพงขึ้น 2 รอบซ้อน ในปี 1973 และ 1979 ส่งผลให้ราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งขึ้นรวม 10 เท่า (จาก 4 เป็น 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในเจ็ดปี) ทำให้ประชาชนเกือบที่จะไม่สนใจรถใหญ่ที่ใช้น้ำมันมากอีกต่อไป ยอดขายรถใหญ่ทุกชนิดน้อยลงอย่างฮวบฮาบ ค่ายรถส่วนใหญ่เปลี่ยนไปเน้นพัฒนาให้รถมีขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน แต่ไม่ใช่กับคอนติเนนทัล คอนติเนนทัลรุ่นที่ 4 สวนกระแส โดยได้เปลี่ยนระบบเกียร์เป็นเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด (เกียร์อัตโนมัติสมัยนั้นยังไม่พัฒนา) ส่วนเครื่องยนต์นั้นช่วงแรกจะใช้เครื่องยนต์ 6600 ซีซี วี8 ใช้เชื้อเพลิงเฉลี่ย 5 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ช่วงหลังๆ ได้เปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ 7500 ซีซี ใช้เชื่อเพลิง 4.2 กิโลเมตรต่อลิตร

นอกจากนี้การที่คอนติเนนทัล ไม่ลดขนาด ทำให้ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 คอนติเนนทัลเป็นรถที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในตลาดรถ แต่นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คอนติเนนทัลเริ่มเสื่อมความนิยมลงครั้งหนึ่ง